Sunday, January 17, 2010

จีนเพิ่มสัดส่วนแบงก์สำรองทุนเบรกฟองสบู่ Bank of China, increase capital reserves

วันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2553

ธนาคารกลางจีนออกมาตรการลดความร้อนแรงของเศรษฐกิจ สั่งธนาคารพาณิชย์เพิ่มทุนสำรอง ลดความเสี่ยงฟองสบู่สินทรัพย์
ตลาดหุ้นทั่วโลกต้องพบกับความระส่ำวานนี้ ขณะที่ราคาทองคำก็ดิ่งตัวลงวันเดียวถึงเกือบ 30 เหรียญสหรัฐ หลังจากที่ธนาคารกลางจีนประกาศมาตรการควบคุมความร้อนแรงของเศรษฐกิจ และลดความเสี่ยงภาวะฟองสบู่สินทรัพย์ ด้วยการให้ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งในประเทศเพิ่มทุนสำรองขึ้นอีก 0.5% ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 18 ม.ค.นี้
รอยเตอร์ส ระบุว่า จีนได้ใช้มาตรการควบคุมทางการเงินที่เข้มข้นที่สุด และยังกะทันหันกว่าที่หลายฝ่ายเคยคาดการณ์ไว้ โดยให้ธนาคารพาณิชย์เพิ่มทุนสำรองขึ้นอีก 0.5% ไปอยู่ที่ 15% นอกจากนี้ยังได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของพันธบัตรระยะ 1 ปีอีกด้วย

การดำเนินมาตรการดังกล่าวส่งผลให้จีนเป็นหนึ่งในไม่กี่เขตเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ของโลกที่เริ่มควบคุมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งออกมาตั้งแต่ปลายปี 2551 หลังเกิดวิกฤตการณ์เศรษฐกิจไปทั่วโลก

“มาตรการครั้งนี้ทำให้ตลาดทุนต้องตกตะลึง และแน่นอนว่าเป็นมาตรการเพื่อจำกัดการปล่อยกู้ของธนาคารพาณิชย์โดยเฉพาะ” หลินสงลี่ นักเศรษฐศาสตร์จากบริษัทหลักทรัพย์กัวเซิน ซีเคียวริตีส์ ในกรุงปักกิ่ง กล่าวกับรอยเตอร์ส

ทั้งนี้ ตัวเลขการปล่อยกู้ใหม่ของธนาคารพาณิชย์เฉพาะสัปดาห์แรกของปีนี้ได้พุ่งทะลุไปถึง 6 แสนล้านหยวน (ราว 2.9 ล้านล้านบาท) แล้ว

ทางด้านเอพี ระบุว่า จีนได้แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของตนเองหลังจากนี้จะเป็นไปอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนพอ จึงได้เบนเป้าหมายจากการกระตุ้นเศรษฐกิจไปเป็นการควบคุมความร้อนแรงของสินทรัพย์ที่เสี่ยงต่อภาวะฟองสบู่แทน

นอกจากนี้ รัฐบาลกรุงปักกิ่งก็ยังต้องการควบคุมเงินร้อนจากต่างประเทศที่เข้ามาเก็งกำไรในตลาดหุ้นและตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนด้วย โดยราคาบ้านในกรุงปักกิ่งได้พุ่งขึ้นไปถึงเท่าตัวแล้วเมื่อเทียบกับ 3 ปีก่อน

การประกาศสายฟ้าแลบของจีนส่งผลให้ราคาทองคำในตลาดฮ่องกง วานนี้ ดิ่งตัวลงทันที 28.5 เหรียญสหรัฐจากเมื่อวันอังคาร โดยลงมาปิดตลาดที่ 1,127–1,128 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์

ทางด้านดัชนีเซี่ยงไฮ้ คอมโพสิต ตลาดหุ้นจีน ก็ดิ่งตัวลง 3.09% มาอยู่ที่ 3,172.66 จุด ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดฮ่องกง ก็ดิ่งลง 2.59% มาอยู่ที่ 21,748.60 จุดเช่นกัน เนื่องจากนักลงทุนเกรงว่ามาตรการครั้งนี้จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการลงทุนในตลาดหุ้นจีน
ที่มา นสพ.โพสต์ทูเดย์

No comments:

Post a Comment

playlist